ธงคำตอบเศรษฐศาสตร์กลางภาค ส 32103 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบวัดผลกลางภาคเรียน ภาคเรียนที่ 2/2565 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 - 5/7 รายวิชาเศรษฐศาสตร์ (ส 32103) เวลา 60 นาที คะแนนเต็ม 20 คะแนน
โรงเรียนวัชรวิทยา อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
ข้อสอบกลางภาค ส 32103 เศรษฐศาสตร์ ฉบับจริง + เฉลย
สอบ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 10.20 - 11.20 น.
ข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 2/2566 รายวิชา ส 32103 เศรษฐศาสตร์ (สำหรับครูผู้สอน)
เฉลยข้อสอบปรนัย 45 ข้อ แบบละเอียด
เฉลยข้อสอบอัตนัย ข้อ 1
ธงคำตอบข้อสอบอัตนัย ข้อ 1 (ณ 25 ธ.ค. 2565 เวลา 10.20 น.)
ตัวอย่างรูปกราฟ (1 คะแนน) // ในตัวอย่างไม่ได้พอตกราฟครบทุกระดับราคา เวลาสอบจริงต้องพอตทุกระดับราคา
รูปกราฟ รอต้นแบบจากนักเรียนที่ทำได้สูงสุด (1 คะแนน)
หลังจากวาดกราฟเสร็จ จงตอบ (1 คะแนน)
ราคาดุลยภาพ (ณ จุด E) เท่ากับ 6,000 บาท ปริมาณดุลยภาพ เท่ากับ 9 ตัน
ณ ระดับราคา ..... บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนเกิน/อุปทานส่วนขาด) หรือ (อุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน) เพราะอะไร ? (ให้เขียนทุกระดับราคา)
ณ ระดับราคา 12,000 บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน) เพราะ คนซื้อ = 0 ตัน แต่คนขาย = 18 ตัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาดที่ 18 ตัน
ณ ระดับราคา 10,000 บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน) เพราะ คนซื้อ = 3 ตัน แต่คนขาย = 15 ตัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาดที่ 12 ตัน
ณ ระดับราคา 8,000 บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน) เพราะ คนซื้อ = 6 ตัน แต่คนขาย = 12 ตัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาดที่ 6 ตัน
ณ ระดับราคา 6,000 บาท เกิดภาวะ (ดุลยภาพ) เพราะ เพราะ คนซื้อ = 9 ตัน แต่คนขาย = 9 ตัน ทำให้เกิดสินค้าหมดพอดี
ณ ระดับราคา 4,000 บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนเกิน/อุปทานส่วนขาด) เพราะ คนซื้อ = 12 ตัน แต่คนขาย = 6 ตัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดตลาดที่ 6 ตัน
ณ ระดับราคา 2,000 บาท เกิดภาวะ (อุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน) เพราะ คนซื้อ = 15 ตัน แต่คนขาย = 3 ตัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดตลาดที่ 12 ตัน
ธงคำตอบข้อสอบอัตนัย ข้อ 2 (ณ 25 ธ.ค. 2565 เวลา 10.20 น.)
ให้ใช้สถานการณ์ที่กำหนดให้ แล้ววาดกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์อุปทาน พร้อมทั้งเขียนอธิบายพอสังเขปให้เข้าใจง่าย (3 คะแนน)
สถานการณ์ที่ 1 “ถ้าราคาและปริมาณดุลยภาพของตลาดผักถูกกําหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาดและปราศจากการแทรกแซงตลาดโดยรัฐบาลแล้ว” จงวาดกราฟที่พยากรณ์เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในตลาดผักเมื่อเข้าสู่เทศกาลการกินเจ
ธงคำตอบ คำอธิบายและการวิเคราะห์สถานการณ์
จากสถานการณ์ที่กำหนด พิจาณาแล้วเห็นว่าเป็น "ปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปัจจัยราคา" เนื่องจากเป็นเรื่องของเทศกาล
จากสถานการณ์ที่กำหนด พบว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์ (D) เนื่องจากเป็นเทศกาลกินเจ (ตัวแปรด้านอุปสงค์)
จากการพิจารณาแนวโน้มของสถานการณ์ของตลาดผัก พบว่า เมื่อเข้าสู่เทศกาลกินเจ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะบริโภคผักเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อผักมีปริมาณมากขึ้น (อุปสงค์เพิ่มขึ้น) ดังนั้น เมื่อ D1, S1 และ E1 เป็นตลาดผักเดิมที่ปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาลแล้วนั้น เมื่อมีเทศกาลกินเจ จะก่อให้เกิดเส้นอุปสงค์เส้นใหม่ (D2) ที่เคลื่อนไปทางขวามือ (Shift ขวาทั้งเส้น) จากเส้นอุปสงค์เดิม (D1)
โดยสรุป
ราคาดุลยภาพใหม่ (PE) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น.
ปริมาณดุลยภาพใหม่ (QE) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
สถานการณ์ที่ 2 “ถ้าราคาอาหารเลี้ยงสุกรเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ปัจจัยอื่นคงที่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุปทานของสุกรอย่างไร” จงวาดกราฟที่พยากรณ์เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ธงคำตอบ คำอธิบายและการวิเคราะห์สถานการณ์
จากสถานการณ์ที่กำหนด พิจาณาแล้วเห็นว่าเป็น "ปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปัจจัยราคา" เนื่องจากเป็นเรื่องของราคาอาหารเลี้ยงสุกร ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสุกรเลี้ยง (ฟาร์ม)
จากสถานการณ์ที่กำหนด พบว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทาน (S) เนื่องจากเป็นเรื่องของต้นทุนการผลิต อนึ่งโจทย์ได้ตั้งประเด็นคำถามถึงว่า "จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุปทานของสุกรอย่างไร" (ตัวแปรด้านทาน)
จากการพิจารณาแนวโน้มของสถานการณ์อุปทานของสุกร พบว่า เมื่อราคาอาหารเลี้ยงสุกรปรับตัวสูงขึ้น ย่อมส่งผลให้ต้นทุนในการเลี้ยงสุกรของผู้ผลิตเพิ่มสูงจึ้น ผู้ผลิตมีแนวโน้มที่จะเลี้ยงสุกรน้อยลง ส่งผลทำให้ความต้องการผลิตสุกรเพื่อขายมีปริมาณลดลง (อุปทานเพิ่มขึ้น) ดังนั้น เมื่อ D1, S1 และ E1 เป็นตลาดสุกรเดิมที่ปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาลแล้วนั้น เมื่อราคาอาหารสุกรเพิ่มสูงขึ้น จะก่อให้เกิดเส้นอุปทานเส้นใหม่ (S2) ที่เคลื่อนไปทางซ้ายมือ (Shift ซ้ายทั้งเส้น) จากเส้นอุปทานเดิม (S1)
โดยสรุป
ราคาดุลยภาพใหม่ (PE) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น.
ปริมาณดุลยภาพใหม่ (QE) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
สถานการณ์ที่ 3 “หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่แตกต่างกัน แต่ใช้ทดแทนกันได้ ถ้าราคาขึ้นลงได้อย่างเสรีในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) หากประชาชนหันมาใช้หน้ากากผ้ามากขึ้นแล้ว จะส่งผลอย่างไรต่อตลาดหน้ากากอนามัย” จงวาดกราฟที่พยากรณ์เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ธงคำตอบ คำอธิบายและการวิเคราะห์สถานการณ์
จากสถานการณ์ที่กำหนด พิจาณาแล้วเห็นว่าเป็น "ปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปัจจัยราคา" เนื่องจากเป็นเรื่องของสินค้าที่เกี่ยวข้อง (สินค้าใช้แทนกัน) (หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า)
จากสถานการณ์ที่กำหนด พบว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์ (D) เนื่องจากเป็นเรื่องของสินค้าที่เกี่ยวของ (สินค้าใช้แทนกันระหว่างหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า (ตัวแปรด้านอุปสงค์)
จากการพิจารณาแนวโน้มของสถานการณ์ของตลาดหน้ากากอนามัย พบว่า หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่แตกต่างกัน แต่ใช้ทดแทนกันได้ ถ้าราคาขึ้นลงได้อย่างเสรีในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหันไปใช้หน้ากากผ้ามากขึ้นแล้วด้วยเหตุผลต่าง ๆ ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อหน้ากากผ้ามีปริมาณมากขึ้น (อุปสงค์เพิ่มขึ้น)
เมื่อพิจารณาจากโจทย์ที่ถามผลที่เกิดขึ้นกับตลาดหน้ากากอนามัยที่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้อง (สินค้าใช้แทนกัน) ที่ย่อมได้รับผลกระทบเพราะผู้บริโภคใช้หน้ากากอนามัยลดลง ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยมีปริมาณลดลง (อุปสงค์ลดลง) ดังนั้น เมื่อ D1, S1 และ E1 เป็นตลาดหน้ากากอนามัยเดิมที่ราคาขึ้นลงได้อย่างเสรีในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) แล้วนั้น จะก่อให้เกิดเส้นอุปสงค์เส้นใหม่ (D2) ที่เคลื่อนไปทางซ้ายมือ (Shift ซ้ายทั้งเส้น) จากเส้นอุปสงค์เดิม (D1)
โดยสรุป
ราคาดุลยภาพใหม่ (PE) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ปริมาณดุลยภาพใหม่ (QE) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง